วาระสุดท้ายของมนุษย์
วาระสุดท้ายของมนุษย์ เมื่อพูดถึงวาระสุดท้ายของมนุษย์แล้วนั้น คงจะไม่พ้นการพูดถึงความตาย การสูญเสีย การพลัดพรากของคนที่เรารักและเคารพ เป็นสิ่งที่ไม่อยากให้มีใครเกิดขึ้น แต่สัจธรรมแห่งชีวิตไม่มีใครหนีความตายได้
ในเมื่อคนเราต้องเจอกับความตายอย่างแน่นอน แทนที่เราจะวิ่งหนีความตายเราควรหันมารับมือกับความตาย และแน่นอนไม่มีใครที่สามารถรู้เวลาการตายของตัวเองได้ เราไม่รู้ว่าความตายจะมาถึงเมื่อไหร่ แต่ขอให้เราใช้ชีวิตบนความเป็นจริง ว่าชีวิตของคนทุกคนล้วนแต่ไม่จีรังยั่งยืน ทุกสิ่งในโลกล้วนแต่ไม่เที่ยง ไม่ว่าจะใหญ่คับฟ้า บุคคลธรรมดาสามัญชน ไม่ว่าใครๆ ก็ล้วนแต่มีจุดจบเช่นเดียวกัน ช่วงสุดท้ายของชีวิตคือ ความตาย
คนไทยเรานั้นถูกปลูกฝังให้โตมากับความเชื่อ เชื่อในโลกหลังความตาย เมื่อตายแล้วไปไหนไม่มีใครสามารถลุกขึ้นมาตอบไว้ว่าตายแล้วไปไหน ตายแล้วสุขสบายดีหรือป่าว แต่สิ่งที่รู้แน่ชัดคือตายไปแล้วไปได้แต่เพียงตัว ต่อให้นำเงินทองของใช้โยนใส่ลงหีบศพ ก็ไม่สามารถนำเอาไปได้ ได้แต่โดนไฟเผาไปพร้อมกับร่างและหีบศพเท่านั้น แต่สิ่งที่ยังเหลืออยู่กับเราคือสิ่งที่เราได้กระทำไว้ สิ่งที่เราปฏิบัติตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นสิ่งที่น่าจดจำหรือไม่
จะเห็นได้ว่าคำสอนต่างๆที่เราเคยได้ยิน หรือผ่านหูผ่านตามาบ้าง จะสอนให้เราไม่ใช้ชีวิตบนความประมาท ปฏิบัติให้อยู่บนศีลธรรมอันดีงาม ไม่ได้เพื่อใครแต่เพื่อตัวท่านเอง ดั่งคำที่พูดสอนคนให้คิดว่า “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา” คำนี้ความหมายว่า ไม่เห็นผลลัพธ์ที่น่าสลด ก็จะไม่สำนึกกับการกระทำที่ไม่ดีของตน และอีกหนึ่งคำที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆ “ใหญ่แค่ไหนก็เล็กกว่าโลงศพ” ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร จะใหญ่มาจากไหนก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าหีบศพ ที่ทุกท่านๆจะต้องได้เข้าไปนอนกันทุกคน แต่มีสิ่งๆหนึ่งนั้น ไม่ได้ลงไปอยู่ในหีบศพกับท่านด้วย คือความดี ที่ทำไว้นั้น ไม่ว่าจะมากจะน้อย จะทำให้กับใครก็ตาม ความดีนั้นก็จะคงอยู่ในใจของคนที่รับรู้ถึงความดีที่ท่านทำ
คำที่เคยมีคนกล่าวไว้ว่า คนเราเกิดมาเพียงตัวเวลาตายไปก็ไปเพียงตัว นี่แหละค่ะสัจธรรมชีวิตที่แท้จริง
เราสุริยาหีบศพ suriya coffin ร้านจำหน่ายหีบศพ โลงศพอันดับ 1 ของประเทศไทย ผู้ให้บริการหลังความตาย ยินดีให้คำปรึกษา หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-950-0989 ตลอด 24 ชม.ขอบคุณค่ะ