วิธีการจัดการศพ ผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19
ณ ตอนนี้เราต้องยอมรับว่าเชื้อไวรัส COVID-19 ได้กระจายไปทั่วประเทศแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น และไม่ต้องนั่งโทษใคร เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราต้องช่วยป้องกันอย่าให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มหรือเสียชีวิตเพิ่มขึ้น และวันนี้เราสุริยาหีบศพซึ่งเป็นผู้ให้บริการหลังความแบบครบวงจร ได้ยินหลายคนสงสัยและกังวลใจมากเมื่อมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส COVID-19 เมื่อนำไปทำพิธีแล้วจะมีโอกาสแพร่ไปติดคนที่มาร่วมงาน หรือเจ้าหน้าที่จัดการศพที่วัดหรือไม่ อันนี้สุริยาหีบศพจะพาพวกคุณมาหาคำตอบกัน
ก่อนอื่นเลยเราต้องเข้าใจก่อนว่าเชื้อไวรัส COVID-19 นั้นแพร่กระจายได้โดยต้องมีสารคัดหลั่งเป็นตัวนำพา จะแพร่ได้โดยการจามหรือการไอหรือมาจากเหงื่อก็ตาม แต่ผู้ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส COVID-19 การแพร่กระจายของเชื้อด้วยวิธีการจามหรือไอที่ได้กล่าวมานั้น คงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะถ้าลุกขึ้นมาจามได้อีกก็คงแตกตื่นกันทั้งงาน ฉะนั้นแล้วเราอยากบอกว่า ทุกคนสามารถไปร่วมงานศพได้ แต่ต้องป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือบ่อย ๆ พยายามอย่าเกาะกลุ่มคุยกัน เพราะการไปเจอคนหมู่มากก็ทำให้เกิดการเสี่ยงได้เช่นกัน เรามาดูวิธีการจัดการศพ จากผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19
วิธีการจัดการศพ ผู้ติดเชื้อ COVID-19
• เมื่อผู้ป่วยติดเชื้อเสียชีวิต เจ้าหน้าที่เก็บศพ ใส่ชุดป้องกัน PPE ตามมาตรฐาน
• บรรจุด้วยถุงซิปกันน้ำ 2 ชั้น และ เอาน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทาด้านนอกถุงเพื่อฆ่าเชื้อ
• ไม่มีการอาบน้ำศพ รดน้ำศพ และฉีดยาศพ
• ไม่เปิดถุงศพและนำเข้าตู้เย็นเก็บศพตามมาตรฐาน
• สามารถเผา หรือฝัง “โดยไม่มีการเปิดถุงอย่างเด็ดขาด”
ฉะนั้นผู้เสียชีวิตด้วยการติดเชื้อไวรัส COVID-19 จึงค่อนข้างปลอดภัยมาก ๆสำหรับการทำพิธีกรรมทางศาสนา เพราะพนักงานทุกคนก็มีการใส่ชุดเพื่อป้องการการติดเชื้อระหว่างปฏิบัติหน้าที่ สุดท้ายนี้เราอยากให้ทุกคนที่ไปร่วมงานให้ใส่หน้ากากอนามัยกันด้วยนะคะ เราไปพบเจอคนเยอะต้องป้องกันตัวเอง เพราะการไปเจอคนหมู่มากเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส COVID-19 เราเจอกันวันนี้แต่เราไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้คนที่เราคุยด้วยไปที่ไหนมาบ้างแล้ว สำหรับท่านใดที่กังวลใจอยากทราบเรื่องการจัดงานศพให้กับผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 สามารถปรึกษาเราสุริยาหีบศพได้ตลอด 24 ชม. ที่เบอร์ 02-950-0989 เรายินดีให้บริการคุณลูกค้าและเราขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแลคนที่คุณรักจนถึงวินาทีสุดท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก กรมการแพทย์ของไทย และ เพจหมอเวร ด้วยนะคะ
